พัฒนาการที่สำคัญของบริษัท
พัฒนาการที่สำคัญของกลุ่มบริษัทเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอำนาจในการควบคุมบริษัทฯ และลักษณะการประกอบธุรกิจนับตั้งแต่จัดตั้งบริษัทฯ มีดังต่อไปนี้
ปี 2548
กลุ่มผู้ก่อตั้งบริษัทฯ (นายพรศักดิ์ ตันตาปกุล) ก่อตั้งบริษัท บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล เดนทัล เซ็นเตอร์ จำกัด (BIDC)
ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 10 ล้านบาท เพื่อประกอบธุรกิจให้บริการทางทันตกรรม สาขาแรกคือ สาขาพหลโยธิน
ปี 2549
BIDC มีสาขาเพิ่มอีก 2 สาขา
ได้แก่ สาขาสยามสแควร์ และสาขารัชดาภิเษก (ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์ทันตกรรม BIDC ปัจจุบัน)
ปี 2550
กลุ่มผู้ก่อตั้งบริษัทฯ (นายพรศักดิ์ ตันตาปกุล) ก่อตั้งบริษัท โรงพยาบาลทันตกรรมกรุงเทพ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (BIDH)
ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท เพื่อประกอบธุรกิจโรงพยาบาลทันตกรรมครบวงจร ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้เริ่มดำเนินธุรกิจ
ปี 2551
บริษัทฯ จดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทเพื่อประกอบธุรกิจให้บริการทางทันตกรรม ภายใต้ชื่อ บริษัท กรุงเทพทันตแพทย์ จำกัด
ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1 ล้านบาท โดยสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ 1701/12 ถนนพหลโยธิน แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร แต่ขณะนั้นยังไม่ได้ดำเนินการ
ปี 2555
บริษัทฯ ได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด”
และจดทะเบียนชื่อที่ใช้ในการประกอบพาณิชยกิจ “สไมล์ซิกเนเจอร์” (“Smile Signature”)
ปี 2555
บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 10 ล้านบาท
และซื้อสินทรัพย์สาขาพหลโยธินและสาขาสยามสแควร์จาก BIDC มาดำเนินการต่อ ภายใต้ชื่อ “สไมล์ซิกเนเจอร์”
ปี 2555
BIDC และกลุ่มนายพรศักดิ์เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของกิจการของบริษัท ไบรท์สไมล์ ไวเท็นนิ่ง สปา (ประเทศไทย) จำกัด (“BS”)
ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านการฟอกฟันขาวโดยใช้ สปาทันตกรรมจากสหรัฐอเมริกาและมีทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท ณ ขณะนั้น ทั้งนี้ BIDC ลงทุนซื้อหุ้นในส่วนที่ BIDC ถือที่ร้อยละ 90 ของหุ้นทั้งหมด ที่ราคาพาร์เท่ากับ 18 ล้านบาท การซื้อหุ้นกิจการดังกล่าวเป็นการซื้อจากผู้ถือหุ้นเดิมของ BS ซึ่งไม่ได้เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มบริษัทแต่อย่างใด และเพื่อเป็นการขยายบริการด้านการฟอกฟันขาวของกลุ่มบริษัท
ปี 2556
บริษัทฯ มีสาขาเพิ่มอีก 2 สาขา
ได้แก่ สไมล์ซิกเนเจอร์คลินิกทันตกรรม สาขารามอินทรา และศูนย์ทันตกรรมสไมล์ซิกเนเจอร์รัชดาภิเษก (รัชดาภิเษก 19)
ปี 2557
ศูนย์ทันตกรรมสไมล์ซิกเนเจอร์ รัชดาภิเษก ของบริษัทฯ และศูนย์ทันตกรรม BIDC ได้ใบรับรองคุณภาพ ISO 9001:2008
ด้านการให้บริการทางทันตกรรมจาก Intertek Certification Limited
บริษัทฯ มีสาขาเพิ่มขึ้นอีก 3 สาขา
ได้แก่ คลินิกทันตกรรมสไมล์ซิกเนเจอร์ สาขาซีคอน สแควร์ศรีนครินทร์, คลินิกทันตกรรมเดนทัลซิกเนเจอร์ สาขาสยามพารากอน (เดิมคือ สปาทันตกรรม ไบรท์สไมล์ ไวเท็นนิ่ง สปา (BS) ของ BIDC; บริษัทฯ ซื้อทรัพย์สินทั้งหมดของ BS แล้วปรับปรุงเพิ่มเติมเป็นคลินิกทันตกรรม) และคลินิกทันตกรรม ภูเก็ต เดนทัลซิก เนเจอร์
ปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัท โดยบริษัทฯ เข้าถือหุ้น BIDC และ BIDH
ในสัดส่วนร้อยละ 99.99 และ 99.99 ตามลำดับ ทั้งนี้ บริษัทฯ ซื้อหุ้นของ BIDC และ BIDH จากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมที่ราคาพาร์
ปี 2558
ศูนย์ทันตกรรม BIDC ได้รับการรับรองมาตรฐาน JCI Accreditation จากประเทศสหรัฐอเมริกา
บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 70 ล้านบาท
บริษัทฯ มีสาขาเพิ่มขึ้นอีก 3 สาขา
ได้แก่ คลินิกทันตกรรม ภูเก็ต สไมล์ซิกเนเจอร์, คลินิกทันตกรรมสไมล์ซิกเนเจอร์ สาขาเซ็นทรัลเวสต์เกต, และคลินิกทันตกรรมเดนทัลซิกเนเจอร์ สาขาเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์
จัดตั้ง บริษัท เดนทัล ออล (ประเทศไทย) จำกัด (DAT)
ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท เพื่อประกอบธุรกิจให้บริการงานแล็บทันตกรรมภายในกลุ่มบริษัท ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เดนทัล วิชั่น(ประเทศไทย)จำกัด("DVT") โดยบริษัทฯ ถือหุ้นใน DVT ร้อยละ 99.99 ของทุนจดทะเบียน
BIDC ขายหุ้นที่ถือใน BS ให้แก่กลุ่มนายพรศักดิ์ที่ราคา 19.90 ล้านบาท
ใกล้เคียงกับมูลค่าตามบัญชี ณ 31 ธ.ค. 57 (มูลค่าตามบัญชีตามสัดส่วนที่ BIDC ถือเท่ากับ 19.73 ล้านบาท) ทั้งนี้ BS ได้จดทะเบียนเลิกกิจการและชำระบัญชีแล้วเสร็จเมื่อเดือนกรกฎาคม 2559
ปี 2559
บริษัทฯ มีสาขาเพิ่มขึ้นอีก 1 สาขา
ได้แก่ คลินิกทันตกรรม สไมล์ซิกเนเจอร์ สาขาเซ็นทรัลพลาซ่าปิ่นเกล้า
ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2559 มีมติเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นสามัญของบริษัทฯ
จากเดิมมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1,000 บาท เป็นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท พร้อมทั้งมีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 70 ล้านบาท เป็น 100 ล้านบาท โดยเป็นการเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 5 ล้านบาท และเพื่อเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก 25 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนอีกจำนวน 60 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เป็นการเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 10 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก 50 ล้านหุ้น พร้อมทั้งจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ เป็น 100 ล้านบาท
บริษัทฯ จดทะเบียนแปรสภาพบริษัทเป็นบริษัทมหาชนจำกัด โดยใช้ชื่อว่า “บริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)” เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2559
บริษัทฯ เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2559 ทำให้ทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทฯ เท่ากับ 75 ล้านบาท
ปี 2560
บริษัทฯ เสนอขายหลักทรัพย์ครั้งแรกต่อประชาชนทั่วไป(IPO) และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ
บริษัทฯ มีสาขาเพิ่มขึ้นอีก 1 สาขา
คือ คลินิกทันตกรรม เดนทัลซิกเนเจอร์ สาขาเอ็มควอเทียร์
ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2560 ของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 มีมติอนุมัติการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทฯ
ในการซื้อที่ดิน และ ลงทุนก่อสร้างโรงพยาบาลทันตกรรม เป็นอาคาร 7 ชั้นและชั้นใต้ดิน 1 ชั้น ประกอบด้วย ห้องทันตกรรม จำนวน 33 ห้อง ห้องผ่าตัด จำนวน 1 ห้อง และ ห้องพักฟื้น จำนวน 2 ห้อง รวมมูลค่าทั้งโครงการไม่เกิน 450 ล้านบาท
BIDH เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 200 ล้านบาท เป็นทุนชำระแล้ว 180 ล้านบาท
ปี 2561
บริษัทฯ เข้าทำรายการซื้อทรัพย์สินทั้งหมด ภายใต้ชื่อ คลินิกทันตกรรมเดนทัล แพลนเน็ต
ประกอบด้วย สาขาเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รังสิต, สาขามหาวิทยาลัยกรุงเทพ รังสิต และ สาขาเมเจอร์ อเวนิว รัชโยธิน รวมทั้งสิ้น 3 สาขา เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2561
บริษัทฯ เข้าทำรายการซื้อสินทรัพย์ในการดำเนินธุรกิจจำหน่ายวัสดุและอุปกรณ์ทันตกรรมของ บริษัท เด็นตัล วิชั่น จำกัด (“DV”)
โดยบริษัทฯ จะดำเนินธุรกิจจำหน่ายวัสดุและอุปกรณ์ทันตกรรมภายใต้บริษัทย่อย คือ บริษัท เดนทัล ออล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งต่อมาได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อเป็น บริษัท เดนทัล วิชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (“DVT”) รวมทั้งเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 300 ล้านบาท เป็นทุนชำระแล้ว 200.10 ล้านบาท โดย DVT ได้รับโอนสินทรัพย์ข้างต้นจาก DV เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2561
จัดตั้ง บริษัท เดนทัล ออล (ประเทศไทย) จำกัด (“DAT”) ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2561เพื่อประกอบธุรกิจจำหน่ายวัสดุและอุปกรณ์ทันตกรรม ให้บริการงานแลปทันตกรรม (รับโอนส่วนงานแลปทันตกรรมจาก DVT) และให้บริการจัดฝึกอบรม ปัจจุบันบริษัทฯ ถือหุ้นใน DAT ร้อยละ 99.97 ของทุนจดทะเบียน
ปี 2562
โรงพยาบาลทันตกรรม กรุงเทพ อินเตอร์เนชั่นแนล (BIDH) เริ่มเปิดให้บริการ
ภายใต้การดำเนินของบริษัท บริษัท โรงพยาบาลทันตกรรมกรุงเทพ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท
คลินิกทันตกรรม Chiang Mai International Dental Clinic (CIDC) เริ่มเปิดให้บริการ
บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 140 ล้านบาท
โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 80 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) จำนวน 40 ล้านหุ้น และ เพื่อรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิ D-W1 จำนวน 40 ล้านหุ้น
หุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายในราคา 2.50 บาทต่อหุ้น ทำให้บริษัทได้รับเงินเพิ่มทุนเป็นจำนวน 100 ล้านบาท และใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท (D-W1) เริ่มทำการซื้อขายในตลาดรอง MAI ในวันที่ 17 มี.ค. 2563
ปี 2563