D จับตาโค้งแรกสดใส ควัก 40 ล้านขยายสาขา

ทพ.พรศักดิ์ ตันตาปกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดนทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ D หนึ่งในผู้นำธุรกิจให้บริการทางทันตกรรมแบบครบวงจร เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจทันตกรรมปี 2567 ยังดูเป็นแนวโมที่สดใส โดยในเดือนมกราคม รายได้ฝั่งคลินิกทันตกรรมเติบโตจากไตรมาส 4/2566 ประมาณ 10% และในเดือนกุมภาพันธ์เป็นช่วงไฮซีซันท่องเที่ยว และจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งเดือนกุมภาพันธ์ยังอยู่ในไตรมาส 1 ดังนั้นบริษัทมองภาพรวมผลงานไตรมาส 1/2567 จะยังเติบโตได้ดี

** แย้ม Q1 สดใส

“ไตรมาส 1/2567 เรามองแนวโน้มธุรกิจยังอยู่ในทิศทางที่สดใส เพราะตัวเลขคนไข้เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/2566 หลังจากตัวเลขชะงักไปชั่วคราว เพราะเป็นช่วงวันหยุดยาว” ทพ.พรศักดิ์ กล่าว

จากจำนวนต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการโดยรวมจากไตรมาสก่อนหน้าเพิ่มขึ้นประมาณ 10% โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็น ชาติตะวันตก ทั้งจากยุโรป ออสเตรเลีย และอเมริกา ปัจจุบันการใช้การ Capacity หากนับรวมทุกสาขาของ D จะอยู่ที่ประมาณ 45% แต่หากนับเฉพาะที่ BIDH จะอยู่ที่ประมาณ 35%

ทั้งนี้ BIDH สามารถรองรับคนไข้ได้ถึง 20 เก้าอี้ทำฟัน แต่ปัจจุบันใช้ไปเพียง 35% เท่านั้น โดยยังสามารถรองรับคนไข้ได้อีกมาก บริษัทคาดว่าภายใน 2 ปี Capacity ของ BIDH จะสามารถขึ้นไปเป็นเท่าตัว จากการให้บริการ และจำนวนผู้ป่วยทั้งไทย และต่างชาติ

บริษัทมีแผนการปรับปรุงรีโนเวตสาขาให้บริการทันตกรรม เช่น ที่ศูนย์ทันตกรรม BIDC รัชดาภิเษก มีการรีโนเวต ชั้น 1 แผนกต้อนรับ ให้ดูสวยและทันสมัยมากขึ้น และมีการเทรนด์พนักงานอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับมาตรฐานการบริการ เพื่อรองรับคนไข้ต่างชาติที่จะมาในอนาคต

บริษัทมองทันตกรรมหรือการทำฟันเป็นการรักษา และเป็นปัจจัยพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน ดังนั้บริษัทคาดว่าดีมานด์การเข้ารับการรักษาจะมีอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ และในอุตสาหกรรมตลาดนี้แข่งกันที่คุณภาพการบริการ และการรักษา

** เล็งขยายสาขา

ทพ.พรศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในปี 2567 บริษัทมีแผนจะขยายสาขา 2-4 สาขา โดยจะเริ่มขยายสาขาตั้งแต่ไตรมาส 2/2567 เป็นต้นไป คาดจะใช้เงินลงทุนสาขาละ 8 ล้านบาท หรือใช้งบลงทุนรวม 30-40 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีสาขาทั้งสิ้น 15 สาขา แบ่งออกเป็น 1 โรงพยาบาล 2 ศูนย์ทันตกรรม และ 12 สาขาย่อยกระจายทั่วกรุงเทพฯ และมีที่ต่างจังหวัดคือ ภูเก็ตและเชียงใหม่

ขณะที่ก่อนหน้านี้ กลุ่มบริษัทยังได้รุกธุรกิจใหม่ โดยได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ ยาสีฟัน “Elite Smile" เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี และในปีนี้บริษัทมีแผนจะรุกเพื่อทำการตลาดให้สินค้าสู่ผู้บริโภค หรือ B2C (Business to Consumer) ให้มากขึ้น ทั้งการจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรด และคอนวีเนียนสโตร์ รวมถึงการขายสินค้าในรูปแบบร้านค้าออนไลน์ โดยตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท

อนึ่ง งวด 9 เดือนแรกปี 2566 บริษัทมีรายได้จำนวน 714.81 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 62.71 ล้านบาท

ข่าวสารจาก : ทันหุ้น